หมูแคระพอตเบลลี่ เลี้ยงอย่างไรให้เป็นเพื่อนคู่ซี้ที่รู้ใจ

แม้ว่าสุนัข แมว จะยังเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของมนุษย์ แต่เราอาจจะได้เห็นสัตว์ในภาคเกษตร อย่างไก่ เป็ด ห่าน ที่เลี้ยงเพื่อเก็บไข่กลายมาเป็นเพื่อนตัวจิ๋ว 2 ขา และยังมีสัตว์สี่ขาอย่าง “หมูแคระ” ที่อัพเกรดมาเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจประจำบ้าน ด้วยสีสันและลวดลายที่เรียกได้ว่า น่ารัก แสนรู้ ไม่ต่างจากน้องหมาน้องแมวเลยทีเดียว
ข่าวสัตว์เลี้ยง หมูแคระ ที่นิยมเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลินในขณะนี้มีหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นหมูแคระฮอลแลนด์หรือหมูแคระญี่ปุ่น แต่ความน่ารักตัวสีชมพูที่เราจะพาไปรู้จักกนนี้คือ หมูแคระพอตเบลลี่ หรือหมูแคระเวียดนาม (Vietnames Pot Belly) ซึ่งถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลินมานาน แม้แต่ในถิ่นกำเนิดอย่างประเทศเวียดนามเองก็ไม่นิยมเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร แต่จะยกให้เจ้าหมูแคระชนิดนี้เป็นเพื่อนคู่ใจ เช่นเดียวกับหลายๆ คนที่มองว่า เจ้าตัวสีชมพูลายจุก่อนจะเลือกเลี้ยงเจ้าหมูแคระ(ที่ไม่แคระ) ลองมาทำความรู้จักและทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนซื้อลูกหมูมาเลี้ยงกันสักนิด โดยครั้งนี้คุณเฟรนด์ – สิทธิศักดิ์ เพิ่มพูน สัตวบาล พนักงานตรวจโรคสัตว์เทศบาลเมืองลพบุรี ผู้คลุกคลีกับสัตว์ต่างๆ มานานกว่า 10 ปีและเลี้ยงหมูพอตเบลลี่เพื่อจำหน่ายมาให้คำแนะนำในการเลือกซื้อหมูแคระ วิธีเลี้ยง และปัจจัยต่างๆ ให้การเลี้ยงหมูจิ๋วกลายเป็นเรื่องหมูๆ ไปเลยทีเดียวจะรับได้ไหมถ้าหมูแคระจะไม่แคระอย่างที่คิดรู้หรือไม่ หมูแคระ ในทุกๆ สายพันธุ์ไม่ใช่หมูที่มีขนาดตัวเล็กเท่าที่เห็นตอนเพิ่งคลอดอายุ 1-2 เดือน แต่พวกมันมีขนาดน้ำหนักที่มากถึง 30-60 กิโลกรัมเมื่อโตเต็มที่ และหลุดไซส์ไปได้ถึง 80 กิโลกรัม แต่เมื่อเทียบกับหมูในฝั่งยุโรปหรืออเมริกาที่มีน้ำหนักมากถึง 200 กิโลกรัมจึงแบ่งประเภทให้หมูไซส์นี้เป็นหมูแคระ ( Mini Pig ) ที่มีขนาดตัวเล็กกว่า จึงถูกใช้เป็นหมูเพื่อการทดลอง ไม่บริโภคเนื้อ จนได้รับความนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงมาจนถึงปัจจุบัน คุณเฟรนด์เล่าเพิ่มเติมว่านิสัยของหมูพอตเบลลี่จะคุ้นกับคนง่ายมาก ขี้เล่น มันสามารถเข้ามาเล่นกับเจ้าของหรือคนที่มันเจอได้ รักสะอาด ฉลาด ร่าเริง เดิมทีหมูแคระเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชทั้งสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ เนื้อปลา ไข่ไก่ ตามธรรมชาติที่เขาหากินได้ แต่อาหารหลักจริงๆ เขาจะกินแค่ผักบุ้ง ผลไม้ที่มีรสชาติหวาน ซึ่งเพียงเท่านั้นก็ทำให้เขาเติบโตได้มากถึง 60 กิโลกรัม แต่ให้กินอาหารอื่นๆ อย่างเช่นมนุษย์ อาทิ ขนมปัง พิซซ่า หรือน้ำหวาน ขนาดของหมูก็จะโตกว่าไปถึง 80 หรือ 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว ขนาดจะอ้วนมากหรืออ้วนน้อยจึงขึ้นอยู่กับอาหารที่ให้หมูกิน แต่ต้องเข้าใจไว้เลยว่าหมูจะตัวโต ไม่ได้เป็นหมูแคระตัวเท่าวัย 1 เดือนแบบที่เลี้ยงในตอนแรกๆเลือกลูกหมู ให้ดูที่จมูกกับก้น

อายุหมูแคระที่เหมาะ ควรเริ่มเลี้ยงตั้งแต่ช่วง 1-1.5 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่หมูยังเล็กและสมองอันน้อยนิดของมันจะจำเจ้าของที่เลี้ยงมันได้ เป็นช่วงที่เริ่มกินอาหารเองได้แล้ว วิธีการเลือกลูกหมูมาเลี้ยง
ข่าวสัตว์เลี้ยง หลักๆ ที่ต้องพิจาณาดูเลยคือสีผิวต้องผิวอมชมพู ขนต้องเป็นมันเงาแสดงถึงความสมบูรณ์ในการได้รับสารอาหาร รูก้นต้องเป็นสีชมพูไม่มีอุจาระติดซึ่งแสดงถึงการขับถ่ายที่ดี จมูกมีความชุ่มชื้นของน้ำไม่แห้ง ไม่ควรเลือกตัวที่หายใจมีเสียงดังหรือมีน้ำลายเกิดจากการขาดน้ำ อาการที่แสดงออกก็บ่งบอกถึงสุขภาพ อย่างหมูวิ่งเล่นร่าเริงจะมีสุขภาพที่ดีกว่าหมูที่นอนซึม ไม่กินอาหาร ซึ่งแสดงถึงอาการป่วยน้ำหนักที่เหมาะสมกับอายุอย่างหมู 1 เดือนควรหนัก 1-3 กิโลกรัมและมีความยาวที่ประมาณ 20 เซนติเมตร นอกจากนั้นก็ต้องพิจารณาลักษณะทางพันธุกรรมโดยจะมีขาสั้น มีท้องหม้อ หากถูกผสมกับหมูดอยจะมีลำตัวยาว บั้นท้ายลีบ ส่วนในเรื่องลวดลายจุดสีดำนั้นเป็นลักษณะประจำพันธุ์ที่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่มีผิดถูกแต่อย่างใด อายุโดยเฉลี่ยของหมูแคระพอตเบลลี่จะอยู่ที่ 20 ปี ตั้งท้องนาน 114 วัน ปีหนึ่งจะได้ลูกหมูประมาณ 3 คอก ซึ่งถือว่าให้ลูกไวเลยทีเดียว จำนวนลูกหมูขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของแม่ หากน้ำหนัก 80 กิโลกรัมจะให้ลูกหมูประมาณ 12-15 ตัวต่อ 1 คอกแน่นอนว่า ธรรมชาติของหมูคือชอบกิน แม้ว่าท้องจะอิ่มแค่ไหน แต่หากมีคนให้อาหารมันก็จะกินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งหมูแคระก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกหมูหรือแม่หมู อาหารที่ให้มีผลต่อขนาดและความแข็งแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการเลือกซื้อลูกหมู ต้องมั่นใจได้ว่าลูกหมูถูกเลี้ยงมาอย่างดี ได้รับน้ำนมซึ่งก็คือน้ำเหลืองจากแม่อย่างน้อย 3 สัปดาห์ และมีการให้อาหารเสริมธาตุเหล็กเพิ่ม หลังหย่านมแม่ให้กินนมแพะเท่านั้น เพราะในนมแพะมีขนาดไขมันที่มีขนาดเล็กกว่านมวัว มันจะย่อยสลายได้ง่ายกว่านมวัวสูตรที่ผมใช้เลี้ยงลูกหมู เมื่อมีอายุประมาณ 1 เดือนจะเริ่มให้กินนมกล่องรสจืดเท่านั้น ถ้าให้กินหวาน กินช็อกโกแลต หมูจะติดรส ตัวก็จะหลุดไซส์มีขนาดอ้วน ซึ่งอ้วนไปก็เกิดโรคต่างๆ ไม่ต่างจากสุนัข แมว ทั้งโรคไต นิ่ว ถ่ายไม่ออก หมูก็เช่นเดียวกันต้องระวังเรื่องนี้ ปกติจะเริ่มให้กินอาหารอย่างพวกผลไม้สุกตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรกควบคู่กับให้นม จากนั้นค่อยลดปริมาณน้ำนมเพื่อให้กินกล้วยสุก มะละกอสุก มะม่วงสุก แตงโม เริ่มมีหญ้าขนสับเป็นชิ้นเล็กๆ ผักบุ้ง เริ่มเสริมเข้าไป เมื่อหมูกินนมไม่อิ่มก็จะเริ่มกินผลไม้ เริ่มขับถ่ายไม่เป็นน้ำ”“การให้อาหารหมูแคระก็ต้องถามจุดประสงค์ของผู้เลี้ยงก่อนว่าต้องการเลี้ยงแบบไหน เลี้ยงให้เล็กน้ำหนักประมาณ 30 กิโล ไม่อ้วนมาก ควรหยุดให้นมตั้งแต่หมูอายุ 2 เดือน เมื่อหมูขาดแคลซียมจะมีขนาดตัวที่เล็กลง ให้ไปกินพืชผักแทน เน้นหญ้าขนและผักบุ้งเป็นหลัก ให้ปริมาณที่มากกว่าผลไม้ การให้อาหารควรให้ตอนเช้าและตอนเย็น ยกเว้นช่วง 3 เดือนแรก ที่ควรให้ทั้งเช้า กลางวัน และเย็นแต่หากอยากเลี้ยงให้อ้วน มีความตุ๊ต๊ะน่ารัก น้ำหนักได้ถึง 80 กิโลกรัม คุณเฟรนด์บอกว่า อยากให้กินอะไรก็ให้ไปได้เลย ทั้งขนมปัง ข้าวสุก หัวอาหารสัตว์ เมื่อเขาอายุประมาณ 5-6 เดือนก็โตเต็มที่ ตัวเริ่มตัน แต่เริ่มเป็นแม่หมูระบบโครงสร้างจะเปลี่ยน น้ำหนักจะเพิ่มได้ถึง 80 กิโลกรัม จะไม่อ้วนตุ๊ต๊ะ หลังเริ่มแอ่น ท้องเป็นก้นหม้อลากพื้น ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของผู้เลี้ยงดดำท้องย้อยเกือบลากพื้นตัวนี้ มันน่าเอ็นดูจนต้องเลี้ยงเป็นเพื่อนเสียมากกว่า
แนะนำข่าวสัตว์เลี้ยง อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : “กรมปศุสัตว์เตือนภัยเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือระวังโรคระบาดสัตว์ในช่วงฤดูฝน”